ผมถามตัวเองเสมอว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า รถสักคันที่เรารีวิวในวันนี้ จะดีในวันข้างหน้า ในฐานนักทดสอบรถ Bonn ใช้เวลาอยู่กับรถแค่ช่วงประเดี๋ยวประด๋าว เต็มที่ 7 วัน ก็นับว่าหรูแล้ว ทุกครั้งที่ส่งการบ้านปล่อยงานรีวิว ผมตระหนักเสมอว่า เมื่อคนที่สนใจอ่านรีวิวของเร าและเขาซื้อ เพราะเราช่วยเขาสนับสนุนการตัดสินใจ เป็นข้ออ้างต่อศรีภรรยา บิดรมารดา ว่าการตัดสินใจถูกต้องสมควรแก่การอันเป็นมงคลจะมีรถแล้ว
ทว่าสิง่ที่ผมไม่เคยสามารถตอบได้ในฐานะนักทดสอบรถยนต์ คือ เมื่อใช้ไปในระยะเกิน 2-3 ปี รถคันนั้นจะเป็นอย่างไร
จุดนี้เอง ทำให้ User Review ก้าวเข้ามามีบทยาท ผมอยากจะเห็นคนใช้รถในปัจจุบัน มาบอกเล่าเก้าสิบว่า หลังจากซื้อรถมาใช้แล้ว พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง คอลัมน์นี้เป็นคอลัมน์แรก และน่าจะเป็นเว็บไซต์ในลำดับแรกๆ ที่เราจะเปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปได้เข้ามาเขียน งานเขียนจะยาวจะสั้น สุดแท้แล้วแต่ความสามารถของท่าน
ผมหวังว่าในที่สุดแล้ว นี่จะเป็นคอลัมน์หนึ่งที่คนชื่นชอบ… และกลายมาเป็นคอลัมน์น่าอ่านแห่งเว็บ Ridebuster ของเรา ..
ในวาระนี้ ผมต้องขอบคุณ พี่บาส ที่อนุญาตให้นำบทความของเขามาเปิดคอลัมน์นี้เป็นครั้งแรก ผมหวังว่า จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลังสนใจรถยนต์มาสด้า 2 เครื่องยนต์ดีเซล ไม่มากก็น้อย
(2nd anniversary) mazda 2 skyactiv D 1.5 high plus My 2015 รถสำหรับขาซิ่งจอมงกตัวจริง!
ตั้งแต่เจ้า civic es (dimension my 04) คันเก่าเข้าใกล้หลัก 300,000 กิโลเมตร บวกกับหน้าที่ที่ต้องเตรียมเข้าหอวิวาห์กับคุณภรรยาอันสุดที่รัก ขาซิ่งอย่างผมเลยต้องเริ่มคิดหาทางว่าจะเอายังไงต่อไปดี ในเมื่อ es คันเก่าก็เริ่มเข้าสู่ยุคที่ต้องดูการเวลาแลเอาใจใส่มากขึ้น ถ้าให้รถรุ่นนี้เป็นเครื่องมือหากินเพียงคันเดียว รับภาระพาไปทำงานไปเที่ยว ทุกที่ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายในอนาคตที่ต้องขยับขยายจากชีวิตโสดกลายเป็นครอบครัวเล็กๆ
Honda Vezel ในบ้านเราใช้ชื่อ (HR-V) และ Mazda Cx-3 คือภาพฝันในตอนนั้น compact SUV เหล่านี้คงตอบโจทย์ตรงตามความต้องการ ตอนญี่ปุ่นเปิดตัว Vezel ผมรอการมาถึงไทยอย่างใจจดจ่อ เช่นเดียวกับ Cx-3 ที่เชิญสื่อในบ้านเราไปทดลองขับไกลถึงนิวซีแลนด์
ตอนที่ยังไม่เห็น Cx-3 ผมเทใจให้ HR-V แบบไม่คิดอะไร หน้าตาที่พอไปวัดไปวาได้บวกกับความเอนกประสงค์ตามแบบฉบับ Honda แต่ก็ยังรอฟังเสียงจากสื่อที่นิวซีแลนด์ บวกกับเข้าไปแย็บถามเซลล์มาสด้าถึงราคาค่าตัวและกำหนดการเปิดตัวของเจ้า Cx-3 ไปพลางๆ
ขณะที่เข้าไปที่ dealer ของ mazda นั่นแหละ เลยเกิดไอเดียว่า Cx-3 คงมีบุคลิกลักษณะของรถ การขับขี่ วัสดุอุปกรณ์ไม่หนีไปจากเจ้า mazda2
ตอนนั้นเปิดตัวในไทยมาแล้วครึ่งค่อนปี เลยขอทดลองขับเจ้ามาสด้า 2 ที่จอดเหงาๆอยู่หน้าshowroom สักรอบ!
จริงๆ ตั้งแต่ตอนเปิดตัว mazda 2 skyactiv ที่ญี่ปุ่น จนมาเปิดตัวที่ไทย ส่วนก็แอบๆ ปลื้มกระแสการตอบรับของการนำเทคโนโลยี skyactiv และศึกษามันมาบ้างพอสมควร แต่ก็แค่เปรยๆกับตัวเองว่า มันก็คงประหยัดขึ้นนิดแรงขึ้นหน่อยตามประสาของ b-segment ที่พัฒนาให้ต่างจากรุ่นก่อนๆ เหมือนที่ทุกค่ายทำ
วันนั้น อีเจ้าหน้าที่มาสด้าที่พาเรา test drive มันขอร้องให้เรานั่งเป็นผู้โดยสาร เพื่อพาเราอธิบายการทำงานและอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่เราพบในการ test drive ของรถทุกรุ่น แต่แล้วเมื่อแนะนำเสร็จ มันหันมาบอกกับผมและภรรยาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “พี่ครับ จับดีๆนะครับ ! “ แหมๆ จะโชว์ผมใช่มั้ยว่า รถแรง คิดในใจผมเฉยๆครับ กะว่าเต็มที่มันก็คงแอบซิ่งเบาๆ
เปล่า!! ที่ไหนได้ มันบรรจงวางปลายเท้ากระแทกอีคันเร่ง organ type ด้วยพลังสิบแรงตีนจนดังแกร้ก! อีมาสด้าสองสีแดงซีดาน พาเรากระโจนไปข้างหน้าจนผม “เหวอ”!! ไปชั่วขณ ก่อนรีบดึงสติกลับมา พร้อมได้ยินเสียงดังมาจากข้างๆอีกว่า “พี่เตรียมนะครับ ผมจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยหน้า” ผมถึงกับผงะอีกครั้งเมื่อพี้แกเลี้ยวโดยแทบไม่แตะเบรก หักพวงมาลัยเลี้ยว 90 องศาเข้าซอยเล็กๆอย่างรวดเร็วโดยที่รถไม่เสียอาการแม้แต่น้อย
อีเ…อี้ย !! (นึกในใจ) กูเข้าใจ กูเข้าใจแล้ว zoom zoom / feel the drive / จินบะ อิไต อิคึๆ สกายแอคทีฟ พี่แม่งทำผมเข้าใจแล้วๆ มาๆ ผมขอลองมั่งเด้! หลังจากนั้น ผมเข้าโหมดนักแข่งแรลลี่ ปารีส ดาการ์ ลัดเลาะมุดซ้ายมุดขวากดคันเร่งอย่างเมามันจนกลับมาคืนรถที่show room พร้อมกับแอบกระซิบกับภรรเมียว่า
เลิกรอ Cx-3 และ HR-V กันเถอะ เอาตังค์ส่วนต่างสองแสนกว่าๆ มายอมเบียดเสียดกับเบาะหลังอีนี่นิดหน่อย มันก็ไม่ได้เลวร้ายนะ แถมมีส่วนลดเพิ่มจากโควต้า supplier อีกราวๆแปดหมื่นบาท
สีฟ้าคือสีที่ผมว้อนท์มากๆในตอนนั้น มันคล้ายกับสีของ es คันเก่า มันสวยสะดุดตาแม้ว่าใตรจะชอบสีแดง soul red สีตัวขายของ ซีรีย์ส skyactiv ก็ตาม แต่อีกใจนึง เคยเห็นสีเงิน จาก Cx-5 มันก็ดูภูมิฐานไปอีกแบบ แถมภรรเมียก็ยังชอบด้วย เลยลังเล ต้องวัดดวงถึงขนาดแจ้งเซลล์ไปว่า สีไหนมาก่อนผมเอาสีนั้น !!
สุดท้ายจากวันนั้นถึงวันนี้ ผมรู้สึกว่าคิดไม่ผิดเลย ตอนผมขาย ES แล้วต้องมาขับรถบ้าน ผมโคตรระแวง กลัวมันไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เหมือนรถที่เราเคยแต่งมากับมือ จากc-segment มาอีโค่คาร์เฟสสอง จะทำใจได้มั้ย
แต่เปล่าเลย มันดูแลชีวิตผมค่อนข้างดี ไปไหนมาไหนด้วยแบบผมแทบไม่รู้สึกเหนื่อยในการใช้ชีวิตร่วมกับมันแม้แต่น้อย แถมยังดีพอพาครอบครัวไปเที่ยวตามต่างจังหวัด แบบไม่ต้องเกรงกลัวค่าน้ำมันตามมาหลอกหลอนปลายเดือน ด้วยความประหยัดแบบที่มาสด้าเคลมไว้จริงๆ (ทุกถังผมได้ค่าเฉลี่ยราว 22 – 23 กิโลเมตรต่อลิตร ) เทียบความอึดได้กับลูกจ้างพม่า ความแรงหลักพัน ค่าน้ำมันหลักร้อย
สองปีกับ 8 หมื่นโล ข้อเสียที่พบ คือพวกงาน defect จากsupplier ที่หลุดรอดมานิดๆหน่อยๆ ที่ผมเจอคือแค่เรื่องหนังหุ้มพวงมาลัยเริ่มลอกกับข้อต่อแกนพวงมาลัยที่ดังเวลาเลี้ยว ซึ่งมาสด้ารับเคลมปัญหาให้แบบไม่มีอะไรยากเย็นนัก รวมถึงรวมถึงคุณภาพของชิ้นส่วนที่ผลิตจากยาง และ การใช้งานของแบตเตอรี่ที่เสื่อมค่อนข้างเร็วกว่า รถที่ไม่มี i stop ไปนิดหน่อย แต่สิ่งต่างๆที่เหลือ มันทำให้ผมประทับใจ จนคิดว่า เพื่อรองรับการขยายตัวอันรวดเร็วของครอบครัวนั้น ผมอาจจะมีมาสด้ามาอีกคัน มาเพิ่มในบ้านก็เป็นไปได้
คะแนน 9 / 10
เรื่องโดย คุณบาส
ช่วยเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ridebuster.com เพียงถูกใจจากท่านเราจะสรรหาสาระดีๆมานำเสนอต่อไป