Home » Volvo XC 40 Recharge Pure Electric 2022 บู้ได้…ประหยัดดี
Full Review รีวิว

Volvo XC 40 Recharge Pure Electric 2022 บู้ได้…ประหยัดดี

ท่ามกลางกระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า จะเห็นว่ามีค่ายรถยนต์จำนวนมาก เริ่มจะนำรถยนต์แบบนี้ออกมาวางจำหน่าย หนึ่งในแบรนด์ที่เข้ามาตอบตลาดอย่างรวดเร็ว หนีไม่พ้น Volvo พวกเขามีความตั้งใจอย่างมากในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC 40 Recharge Pure electric

Volvo Xc 40 เป็นที่รู้จักอยู่ รถรุ่นนี้พัฒนาแรกเริ่มด้วยความตั้งใจให้มันเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก สำหรับให้ลูกค้าใช้งานในเมือง มุ่งเน้นไปยังสไตล์การออกแบบแตกต่างจากรถยนต์รุ่นอื่นของวอลโว่ ที่เคยทำตลาดมา

นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะ ในวันนี้ วอลโว่เข้าไปอยู่ใต้ปี Geely แบรนด์ยักษ์ใหญ่ จากจีน ที่ต้องการทำให้ลูกค้าเข้ามาในแบรนด์มากขึ้น ที่ผ่านมา รถยนต์จากยุโรป ก็เดินทางนี้ ทำรถในแบบใหม่ที่ลูกค้าสามารถจับต้องง่ายขึ้น เมื่อเข้ามาในแบรนด์ ก็ต่อยอดไปยังรุ่นที่สูงขึ้นได้ นั่นก็คงเป็นความคิดวอลโว่เช่นกัน

ผมเคยสัมผัสรุ่นนี้มาตั้งแต่ในรุ่นเครื่องยนต์สันดาป ปกติ Xc40 T5 ที่มาพร้อมสมรรรนถะการขับขี่ขับสนุก ติดตรงมันซดน้ำมันไปนิด เมื่อปีกลายก็มีโอกาสจับ Volvo XC40 T5 Recharge รุ่นไฮบริดเสียบปลั้ก สำหรับคนใช้งานก้ำกึ่ง ขับไฟฟ้าได้ในเมือง และเดินทางก็ใช้เครื่องยนต์สันดาป ทำงานแบบไฮบริด

นั่นคือก่อนที่ วอลโว่ จะแนะนำ Volvo XC40 Pure Electric ในตลาดโลก แล้วเข้ามาเขย่าตลาดบ้านเรา ด้วยการเปิดตัวแบบไร้เงารถ จนทำเอาสื่องง เมื่อมอเตอร์โชว์ปีกลาย กว่ารถจะส่งมอบให้ลูกค้ากันจริงๆ ก็ราวๆ ไตรมาส 3 เป็นต้น มาด้วยประเด็น ทางด้านชิบขาดแคลน ส่งผลกระทบอย่างมาก รถตัวจริงมาโชว์ตัวในงาน Motor Expo 2021 ปลายปีที่ผ่านมา

แต่ถึงจะพูดแบบนั้น วอลโว่ ประเทศไทย ก็เปิดเผยว่า พวกเขาสามารถ ขาย Volvo Xc 40 Pure Electric ไปได้ ราวๆ 200 คัน นั่นทำให้ แบรนด์ ยืนหนึ่งรถยนต์ ไฟฟ้าในตลาดพรีเมี่ยม เหนือ BMW , Audi จนค่ายเยอรมัน คงมีหันขวับมามอง

อะไรทำให้ Volvo XC40 Pure Electric หรือ ผม ขอพูดว่า Volvo XC40 EV แล้วกัน จะได้ไม่ยืดยาว ได้รับความสนใจขนาดนั้น

เรื่องนี้มีอยู่หลายประเด็น ข้อแรกที่ผมว่าค่อนข้างสำคัญเลย คือราคารถคันนี้ ไม่ถือว่าแพงมาก เนื่องจากราคาของมัน สนน อยู่ที่ 2.59 ล้านบาท เท่ารถยนต์ไฮบริด หรือบ้าง สันดาปรุ่นเริ่มต้น ตัวท๊อปจากแบรนด์เยอรมัน

อีกประเด็นที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ สมรรนถะของมัน มาในระดับน้องๆ รถสปอร์ต ด้วยกำลังขับสูงสุด 400 PS ให้แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร และเคลม อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 4.9 วินาทีเท่านั้น หรือถ้าพูดกันให้เข้าใจง่าย คุณจ่ายราคา 2.5 ล้านบาท ได้สมรรถนะ เท่ากับรถสปอร์ต ราคา 4-5 ล้าน แบบนี้ จะไม่น่าสนใจได้อย่างไร

ผมเฝ้าถาม พี่น๊อต พีอาร์เจ้าเสน่ห์ ที่วอลโว่ มาตลอดว่าเมื่อไร จะมีให้ทดสอบบ้าง ตอนแรกรถเข้ามาน้อย เลยต้องตัดให้ลูกค้าผู้มีอุปการะคุณไปก่อน เนื่องจาก ลูกค้าหลายคนรอมานาน

จนกระทั่งวันหนึ่ง รู้สึกเป็นวันเฮง ช่วงต้นเดือนมกราคม ติดต่อเข้าไปอีกที ได้รับคำตอบว่า รถมีแล้ว แต่คิวรอนานหน่อยนะ ก็ไม่แปลกใจ เพราะทุกคน อยากจะลองรถคันนี้ ด้วยความแรงสมรรนถะ และการตอบสนองของมัน

ภายนอกร่างเดิม เพิ่มเติมแค่ลุค

อย่างที่ผม สาธยายมาพักใหญ่ รถยนต์ Volvo XC40 Recharge Pure Electric ในพื้นฐาน มันก็คือ Volvo XC40 นั่นแหละครับ แค่มาปรับระบบขับเคลื่อนให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ตรงใจความต้องการลูกค้ามากขึ้น

รุ่นที่ผมนำมาทดสอบ น้องเขียว Saga Green คันนี้ เป็นรุ่น MY 2022 อาจแตกต่าง จากรถที่เริ่มลงโชว์รูมในวันนี้ MY 2023 ไปบ้าง เริ่มจากไฟหน้ารุ่นใหม่ จะเป็นไฟ Matrix LED กระจายแสงดีกว่าและไม่แยงตาเพื่อนร่วมทาง ล้ออัลลอยเปลี่ยนลวดลายใหม่ กันชนหน้ามีการปรับปรุงใหม่

ส่วนกระจังหน้า จัดการปรับจากรุ่น Recharge ให้เป็นการปิดทึบให้ความสามารถในการแหวกลมมากขึ้น เนื่องจากการระบายความร้อนสำหรับเครื่องยนต์ไม่จำเป็นอีกต่อไป จึงไม่ต้องการอากาศนำพาความร้อน อย่างระบบไอเสียออกจากห้องเครื่องยนต์ ส่วนท้ายรถ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ห้องโดยสารเหมือนเดิม เพิ่มผู้ช่วยในการเดินทาง

เปิดประตูมาทางด้านในห้องโดยสาร รายละเอียดทั้งหมด แทบจะเรียกว่าเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตัวรถ ยังนำเสนองานออกแบบ เน้นความสปอร์ต มาพร้อมภายในสีดำ ทั้งคัน

ถ้าเทียบกับตัว Recharge มีไม่กี่อย่างที่แตกต่างออกไป เริ่มจาก เรือนไมล์ที่เปลี่ยนให้เหมาะกับการใช้งานตามระบบขับเคลื่อนมากขึ้น

ระบบความบันเทิงตรงกลางเปลี่ยนใหม่จากชุดจอแบบเดิม หนนี้เปลี่ยนมาใช้ระบบ Google เต็มระบบ พร้อมผู้ช่วย Google Assistance สำหรับพร้อมการขับขี่มากขึ้น ระบบไม่เพียงบอกแผนที่ได้ยังสามารถนำมาแสดงที่มาตรวัดได้ด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น

เครื่องเสียงขับกล่อมด้วยชุดลำโพง จาก Harman Kardon รวมถึง ยังติดตั้งระบบฟอกอากาศสุดล้ำที่สามารถกรอง ฝุ่น PM 2.5 มาให้ด้วยในตัว

พื้นที่นั่งเบาะตอนหลัง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม ยังคงเน้นการเดินรทางสั้นๆ มากกว่า

ฟังชั่น ตัวเบาะนั่งในภาพรวม ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จากตัว Recharge รวมถึงการจัดวางพื้นที่โดยสาร รวมถึงท่านั่งเบาะหลังที่ยังนั่งชันหลัง พื้นที่วาวขา เหลือไม่เยอะมาก และการปรับพับเปลี่ยนมันเป็นห้องสัมภาระ ก็ด้วยเช่นกัน

ส่วนหนึ่งที่ผมแอบถูกอกถูกใจรถรถรุ่นนี้เวอร์ชั่นขับไฟฟ้า คือการมีช่องเก็บของทางด้านหน้า อย่าแปลกใจ ถ้าคุณเปิดห้องเครื่องเดิมขึ้นมาแล้วพบว่า มันไม่มีเครืองยนต์ แต่เป็น ช่องเก็บของขนาดเล็กที่พอจะยัดข้าวของลงไปได้ เช่น กระเป๋าเป้เสื้อผ้าขนาดเล็ก แต่จากที่ใช้งาน บอกตามตรงว่า มันยังมีความร้อน จากการทำงานของ มอเตอร์ไฟฟ้าแผ่ออกมาให้อุ่นๆกันบ้าง ผมเลยเรียกมันว่า “ช่องเก็บแกง” อุนได้ถึงที่หมายก็พร้อมทานเหมือนออกมาจากร้าน แต่วอลโว่ เขาเรียกช่องนี้ว่า Frunk มาจาก คำว่า Front+ Trunk นั่นเอง

ช่องเก็บของทางด้านหนเ้า มีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมากับใส่ของเล็กน้อย

การทดลองขับ

ใต้เรือนร่างเจ้า Volvo XC 40 Pure Electric วอลโว่ยังคงจุดขายเรื่องความบ้าพลัง ในราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ง่าย เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่นำเสนอครั้งแรกในรถรหัส T8 Twin Engine ที่ถูกใจผมที่สุด ก็ Volvo V60 T8 Twin Engine นี่แหละครับ

ในเจ้า XC40 EV วอลโว่ นำเสนอ การติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวในครอสโอเวอร์ ร่างเล็กคันนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังตัวละ 204 แรงม้า และแรงบิดตัวละ 330 นิวตันเมตร

รวมกัน 2 ตัว มีแรงขับสูงสุด 408 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร ถ้าไม่นับ Tesla ตัวแรง หรือ คู่แข่ง อย่าง Ford Mustang Mach E ซึ่งทั้งคู่มีขายในไทย โดยตัวแทน อิสระ รถรุ่นนี้ ก็น่าจะเรียกว่า แรงที่สุดแล้วในบรรดารถยนต์ไฟฟ้า ทั้งหลาย

ความแรง 400 แรงม้า ในรถยนต์ไฟฟ้า ไม่เหมือนกับรถยนต์สันดาป นะ เจ้านี้ ขอแค่คุณใจถึงกระทืบคันเร่งบดติดพื้น มันก็พร้อมจะแล่นออกจากหยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว ที่ไหนที่พื้นลื่น โดยเฉพาะถนนยางมะตอย ที่ใช้งานมานาน จะทิ้งเสียงเอียดอ๊าด ไว้ให้รถคันข้างๆ หรือ กระทั่งมอเตอร์ไซค์ แปลกใจ รถอะไร ทำไมตัวเล็กเสียงดัง

ที่สำคัญ ในระยะเวลา ราว 5 วินาที คุณจะไปถึง ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. 12 วินาที คุณจะไปถึง 160 ก.ม./ช.ม. และ Top Speed 185 ก.ม./ช.ม. ในช่วงไม่ถึง 1 กิโลเมตร ถือว่าค่อนข้างจะเร็วมาก ประดุจคุณแทบจะวาร์ป ออกจากไฟแดง จนหลายครั้งหลังๆ ถ้าผมจะออกตัวจากไฟแดง ต้องมองซ้ายขวา ว่าไม่มีใครทะเล่อ ฝ่าไฟแดงมาไม่งั้น อาจจบไม่สวยกลางสี่แยก

ข้อมูลอัตราเร่ง


ครั้งที่1ครั้งที่ 2ครั้งที่ 3เฉลี่ย
0-100 ก.ม./ช.ม. (วินาที)5.045.115.045.06
80-120 ก.ม./ช.ม. (วินาที)3.153.063.153.12
0-160 ก.ม./ช.ม.(วินาที)11.9511.98112.0211.98

การเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มันไม่มีเกียร์หลายๆ อัตราทด มีเพียงเฟืองท้ายทดมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ การตอบสนองเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่คุณต้องการแซง เพียงกระดิกเท้าขวาก็แซงได้อย่างมั่นใจ รวดเร็วทันใจ ไม่เคยมีคำว่าเสียจังหวะ ตลอดที่ผมขับรถคันนี้

ถึงความแรงเร้าใจ กลับยังมีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในเมือง

อันที่จริงรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ถูกพัฒนาขึ้นมาตอบสนองคนเมืองมากกว่า ระหว่างลองขับในช่วงแรกๆ ผมสังเกตว่า เววลาเราถอนคันเร่ง การปั่นไฟฟ้ากลับแบตเตอร์รี่ ค่อนข้างน้อยมาก แทบไม่เกิดขึ้นเลย จะมีเพียงเฉพาะเวลาเบรก นั่นค่อนข้างแปลก เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ที่จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการหน่วง ลดความเร็วรถ หรือ ที่เรียกว่า Regenerative Braking

โดยเอาแรงจลย์ หรือแรงหมุนล้อที่เหลือกลับไปให้มอเตอร์เป็นไดชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอร์รี่ ทำให้ ได้ทั้งลดความเร็ว และปั่นไฟฟ้าเข้าแบตเตอร์รี่ในคราวเดียว

รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นสามารถทำได้ แต่สำหรับ Volvo XC40 Pure Electric การขับปกติทั่วไป จะไม่ทำงานแบบนั้น รถจะทำการรีเจน ในโหมดปกติเพียงเบรกเท่านั้น

ถ้าต้องการให้ระบบ Regen ทำงานอยู่ตลอดเวลา ต้องใช้โหมด One Pedal Drive คือใช้คันเร่ง เป็นคันเร่งและเบรก ในแป้นเดียว คุณสามารถเลือกเซทได้จากเมนู ตั้งค่าตัวรถ

การใช้โหมด เท้าเดียวช่วงแรก จะงงๆ สักนิดๆ มันต่างจากของหลายค่ายที่เราเคยผ่านมือมา การเดินทางแป้นคันเร่ง แทบจะแบ่งออกเป็น 50/50 ระหว่างเร่งและเบรก ถ้าปล่อยคันเร่งมากไป รถจะชะลอความเร็วอย่างแรง เหมือนอาการเบรกหัวทิ่ม แนะนำให้ลองเล่นในแถวบ้านก่อนจนมั่นใจ นั่นเพราะมันใช้แรงหน่วงจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ช่วยในการชะลอความเร็ว

ผมเอง ต้องเรียนรู้อยู่สักพักใหญ่ๆ จึงจะกะจังหวะถูก เมื่อไรเหยียบเมื่อไรถอน ถอนแค่ไหนจะระยะเท่าไรหน้าไม่ทิ่ม ตอนฝึกแรกๆ ยอมรับครับว่ายาก พอสมควรจนท้อใจ พอเริ่มชินเท้ากะจังหวะถูกทีนี้ ผมแทบไม่กลับไปใช้เบรกเลย จะใช้เฉพาะในยามฉุกเฉินเท่านั้น

นอกจากการรีเจนที่น้อยมาก อีกอย่างที่ผมแอบแปลกใจ คือรถคันนี้มีระบบเบรกมือไฟฟ้า แต่ไม่มีระบบ Brake Hold มาให้ ระบบนี้ที่จริงตามคู่มือภายในรถจะมีบอกไว้อย่างชัดเจน แต่เมื่อขับขี่ใช้งานจริง กลับไม่มีมาให้ ทั้งที่ตามคู่มือชี้ว่า มันจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อคุณเหยียบเบรกเมื่อรถหยุดสนิท

ทำให้เวลาคุณจอดติดนาน ต้องเยียบเบรกค้างไว้ หลายคนอาจจะบอกว่า ไม่ใช่ปัญหานี่ ปกติก็ทำแบบบนี้ แต่เมื่อคุณค้นพบว่า แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า แค่เพียงปล่อยเบรกเพียงนิดเดียว ก็พาคุณเลือนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วได้ ถ้าเราเผลอเรอถอนเท้าจากเบรกเพียงนิดเดียว รถก็พร้อมวิ่งทันที ทางที่ดี ควรจะใส่เบรกมือไฟฟ้าเอาไว้ ถ้าต้องติดนานๆ ท่ามกลางการจราจรเมืองกรุง

การบังคับ ควบคุม และกันสะเทือน

ตั้งแต่ผมขับเจ้า Volvo XC 40 มา ครั้นเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์สันดาป จนเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด มาจน เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าพวมันจะขับเคลื่อนด้วยระบบอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย นั่นคือ การคงความเป็นรถยนต์วัยรุ่นชอบ มาพร้อมความแข็งแน่น แอบกระด้าง ผ่าเหล่าจากวอลโว่ รุ่นอื่นๆ

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจาก โครงสร้างของ รถรุ่นนี้เป็นโครงสร้างคนละอย่างกับพี่ใหญ่ อย่างรุ่นรหัส 60 และ 90 ที่ใช้โครงสร้าง SPA น้องเล็กคันนี้ใช้โครงสร้าง CMA Platform ( Common Modular Platform)

โครงสร้างตัวนี้ ใช้ในรถยนต์ Volvo XC 40 เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น มันเป็นโครงสร้างที่วอลโว่ นำการวิจัยพัฒนา เป้าหมายที่แท้จริง คือให้รถยนต์จากประเทศจีน ภายใต้แบรนด์ลูกของ Geely นั้นได้แจ้งเกิด เช่น Lyn & Co และ Geely เป็นต้น

วอลโว่ ตัดสินใจว่าจะใช้โครงสร้างนี้เพียงในรถรุ่น เล็ก ซึ่งวันนี้มีเพียงรหัส 40 เท่านั้น

ช่วงล่างของรถรุ้นนี้ ด้านหน้า ใช้ระบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง เป็นช่วงล่างกึงอิสระ พร้อมโช๊ค สปริง และ เหล็กกันโคลง แม้ว่าจะฟังดูสวยงาม แต่ที่จริง มันเป็นการผสมผสานระหว่างช่วงล่างแบบทแร์ชันบีม กับ Double wish Bone เพียงแต่มันไม่สามารถให้ตัวได้ แบบช่วงล่างปีนก ที่มีการติดตั้ง โช๊ค และสปริงรวมกัน กลับกัน

ในการขับขี่ในเมือง ช่วงล่างรถคันนี้ ค่อนข้างติดแข็งพอสมควร ยิ่งเจิถนนก่อสร้างรถไฟฟ้า ฝาท่อกทม. ยิ่งสะเทือนไม่ใช่รถที่นั่งสบายนัก นอกจากจากระบบกันสะเทือนที่เรากล่าวไป รถคันนี้ยังใช้ยางสปอร์ต Pirelli P Zero มาด้วย เข้าใจว่าทางวอลโว่ต้องการยางที่พอจะทนทานกับแรงบิดมหาศาลจากมอเตอร์ ถ้าเกิดลูกค้าออกตัวแรงๆ บ่อยครั้ง

ยางชุดนี้ ให้แก้มแข็งอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เมื่อบวกกับการเซทช่วงล่างทำให้มันค่อนข้างแข็งไปกันใหญ่ ถ้าใจคนขับรักความสปอรืตอย่างผม จะรู้สึกว่า ก็แล้วไง ไม่ใช่ปัญหานี่ แต่ถ้าคุณซื้อวอลโว่ด้วยความเป็นรถพรีเมี่ยม ต้องการรถนั่งสบายสักหน่อย อาจจะมีผิดหวังเล็กๆ ในความรู้สึกความเร็วต่ำ อย่างการขับในเมือง

พอเดินทางไกล Volvo XC 40 EV ให้การตอบสนองที่ดีขึ้น ช่วงล่างของมันดูนิ่มนวลมากขึ้น กว่าการขับขในเมือง จนกลายเป็นว่า หลายครั้งหลายหน ผมรู้สึกว่า ช่วงล่างของมันกลับยังต้องจูนให้แน่อนเฟิร์มกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วเดินทาง 100-120 ก.ม./ช.ม. แล้วไปเจอถนนปะ หรือทางขุรขระกระทันหัน อาการช่วงล่างดูแล้ว น่าจะทำออกมาตอบสนองดีกว่านี้ อีกสักหน่อย

แถมสิ่งที่บอกว่า ช่วล่างอาจจะต้องแข็งกว่านี้ เห็นชัดในช่วงเร่งออกตัวจากหยุดนิ่ง รถจะมีอาการออกตัวในสไตล์กึงหน้ายก ใช่ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากแรงบิดมหาศาลของมัน แต่อาการหน้าเชิดนี้ ชี้ให้เห็นว่าช่วงล่างยังไม่เพียงพอต่อพละกำลังมหาศาลใต้เรือนร่าง ถึงออกอาการนี้

อีกจุดที่ต้องระวัง คือจังวะเข้าโค้ง ด้วยความที่รถคันนี้สูงในสไตล์รถอเนกประสงค์ และออกแบบให้หน้าและท้ายมีช่วสั้น ทำให้รถตอบสนองไว มันดีต่อการขับในเมืองที่คุรต้องการความคล่องตัว กลับกันเมื่อคุณใช้ความเร็วเข้าโค้ง ต้องพยายามให้พวงมาลัยค่อยเป็นค่อยไป รถจะได้ไม่โคลง ในระหว่างการเข้าโค้ง รวมถึงการเปลี่ยนเลนด้วย

แต่ถึงผมจะดล่าวแบบนี้ ผมก็เข้าใจวอลโว่อยุ่นะ ถามว่าจะเซทช่วงล่างให้มันแข็งกว่านี้ก็น่าจะทำได้ แต่คนทั่วไปคงบ่นอุบ รถอะไรแข็งเกิน นั่งไม่สบาย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึง Compromise ในการจูน เซทช่วงล่างให้แข็งกลางๆ ไม่แข็งมากไปและไม่ย้วยเกินไป

มันจึงเหมือนเป็ด ไม่ได้ดีประเสริฐ และไม่แย่เกินไป เป็นช่วงล่าง กลางๆ ขับธรรมดา ก็พอรับได้ อาจมีแข็งหน่อยในความเร็วต่ำ ถ้าใช้ความเร็วสูง ก็ต้องใช้ฝีมือเข้าช่วย และในความจริง คนขับรถยนต์ไฟฟ้า ไมใ่มีใครใช้ความเร็วแบบมุทะลุ ตลอดทาง

ความประหยัด และ การชาร์จไฟฟ้า

เมื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่เราต้องพูดถึงอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้ นั่นคือเรื่องของ การใช้ไฟฟ้า

ข่าวดี Volvo XC 40 Pure Electric มาพร้อมช่องชาร์จ ที่สุดแสนจะหาง่ายไปไหนก็มี มันใช้ หัวชาร์จแบบ Type 2 ในการชาร์จ AC และ การชาร์จแบบ DC หรือชาร์จเร็ว เป็นหัวชาร์จ Type 2 แบบ มีเขี้ยว หรือที่เรียกว่า CCS Combo 2

แบตเตอร์รี่เป็นแบบ ลิเธียมไออน ขนาด 78 Kwh สามารถใช้งานได้จริง 75 Kwh รองรับการชาร์จ DC เร็วที่สุด 150 Kwh ใช้เวลาเพียง 32 นาที ก็สามารถชาร์จไฟจนเต็ม พร้อมสำหรับการขับขี่เดินทางไกล

หัวชาร์จ เป็นแบบ Type 2 และ CCS Comco 2

ตามระยะการเคลมจากทางวอลโว่ ชาร์จครั้งเดียว สามารถเดินทางได้ 450ก.ม. ตามการทดสอบในโหมด NEDC และมีระยะทางราวๆ 418-400 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ ในการทดสอบในโหมด WLTP

จัะว่าไปรถคันนี้ เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความสามารถในการเติมพลังงานค่อนข้างเร็วพอสมควร จากที่ขับอยู่หลายวัน ผมพบว่ามันค่อนข้างจะตรงกับจริตการใช้งานจริงพอสมควร ยกตัวอย่างมีครั้งหนึ่งผมเสียบชาร์จตอนเข้า ในระหว่างการไปทำงาน ใช้เวลา 20 นาที โดยประมาณ

ในเวลา 20 นาที คุรจะทำอะไรบ้างในปั้มน้ำมัน คุณเข้าห้องน้ำซื้อกาแฟ แวะร้านสะดวก ซื้อ นั่งจิบกาแฟ สักอึก แล้วกลับมาที่รถ ผล คือผมได้ไฟมาเพิ่มจาก 58% เป็น 85% ด้วยการชาร์จที่ความเร็ว 80Kwh ได้ระยะทางมาเกือบ 100 กว่า กิโลเมตร เลยทีเดียว

เรื่องความสามารถ ในการชาร์จ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการทำให้รถคันนี้สามารถใช้งานได้ ดีเทียบเท่ารถน้ำมัน อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือ การวางแผนการเดินทาง

รถคันนี้สามารถรองรับการชาร์จเร็วได้มากที่สุด 150 Kwh

การติดตั้งระบบ Google assistance ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เราเชื่อมต่อง่าย ให้ข้อมุลมากขึ้น ที่จริง ระบบยังดีพอที่คุณจะช่วยคุณวางแผนการเดินทาง แผนที่ในรถคันนี้ ไม่เพียงบอกว่าคุณจะไปทางไหนได้เร็สที่สุด มันยังคำนวนการใช้พลังงานโดยประมาณ เมื่อขับไปปลายทาง หรือขับไปกลับ จากปลายทาง จากตำแหน่งเดิม

ในกรณี ระบบมองว่า ที่ๆ คุณจะไป พลังงานไม่น่าจะพอ หรืออยู่ต่ำเกินไป จะมีการแนะนำ จุดแวะชาร์จ ระหว่างทาง

มันช่วยให้เราประเมินว่า ควรไปจอดตรงไหนแวะตรงไหน โดยที่คุณ ไม่จำเป็นต้องใช้แอพผู้ให้บริการเครื่องชาร์จยังได้ นับว่า อำนวยความสะดวกมากในการเดินทาง และใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเจ้าอื่นยังไม่มีในปัจจุบัน

ระบบ Google Assistance สามารถ บอกได้ว่า เมื่อไปถึงที่หมาย คุณจะเหลือไฟฟ้ากี่% และถ้าขับกลับมายังจุดเริ่มต้น จะเหลือกี่%

ถึงแมว่า รถคันนี้่จะค่อนข้างเป้นมิตรในการใช้งานค่อนข้างมาก แต่ 400 ม้า จากมอเตอร์ไฟ้า 2 ตัว ก็ต้องเรียนตามตรงว่า กินไฟเอาเรื่อง

การขับในเมืองผมทดลองขับตามสภาพการจราจรจริง ระยะทาง 68.7 กิโลเมตร โดยใช้การชาร์จ แบบ 80-80 กล่าวคือ ชาร์จไฟก่อนออกเดินทาง ที่ 80% เมื่อวิ่งไปแล้วกลับมาชาร์จคินให้ได้ 80%ผมชาร์จไป 11.42 Kwh คิดเป็นอัตราประหยัด 6.0 กิโลเมตร ต่อ KWh (ระยะทางต่อการชาร์จ โดยประมาณ 6*75Kwh= 450 ก.ม.ต่อการชาร์จ)

การเดินทางนอกเมือง ผมใช้หลักการเดียวกัน ขับด้วยความเร็ว 90-120 ก.ม./ช.ม. โดยวางแผนไปเติมไฟฟ้าที่ PEA Volta เขาย้อย ระยะทาง 107.2 ก.ม. เติมไฟฟ้าไป 23.362 Kwh คิดเป็นอัตราประหยัด 4.58 กิโลเมตร ต่อ Kwh (ระยะทางต่อการชาร์จ โดยประมาณ 4.85*75Kwh= 363ก.ม.ต่อการชาร์จ)

การคำนวนระยะทางจะบอกในแบบนี้และ จะบอกว่า พฤติกรรมการขับขี่ เราเป็นอย่างไร ด้วย

พอดีงวดนี้ใช้ตู้เสียเงิน เลยลองคำนวนค่าไฟฟ้ากับระยะทางดู ระยะทาง 107.2/ ค่าไฟ 101.5 บาท ตกแล้ว อยู่ที่ กิโลเมตรละ 1.05 บาท ถ้าเทียบกับรถยนต์ที่มีพละกำลังขนาดนี้ถือว่าถูกกว่า หลายเท่าตัวพอสมควรเช่นกัน ถ้าเทียบกับรถสันดาป ที่มีพละกำลังในระดับเดียวกัน

Volvo XC 40 Pure Electric ตัวเลือกที่ดีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าพร้อมจ่าย แต่มอเตอร์เดี่ยว อาจจะน่าสนใจกว่า …

หลังจากใช้ชีวิตกับเจ้า Volvo XC 40 Recharge Pure Electric อยู่หลายวัน มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเป็นมิตรใช้งานได้ใกล้เคียงรถน้ำมัน แถมแรงไม่บันยะบันยัง พร้อมทุกเมื่อ ไม่กลัวรถแต่ง หรือรถสปอร์ต ด้วยกำลังขับที่เหลือเฟือ

แน่นอนว่า ราคา 2.59 ล้านบาท หลังจากสัมผัสมัน ผมเรียนตามตรงว่า ไม่ได้แพงเลย กับราคาค่าตัว แต่ทุกคนคงจะบอก ราคาขนาดนี้ ชาตินี้ฉันก็ไม่อาจจะซื้อได้ ซึ่งนั่นอาจจะไม่จริง เพราะกับคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน มนุษย์เงินเดือน ระดับหัวหน้างานตามองค์กรใหญ่ๆ มีเงินเก็บสักหน่อย ก็คงค้นพบว่า รถราคา 2 ล้านกลางๆ ก็พอจะเื้อมถึงอยู่บ้าง

แุมโปรโมชั่นของวอลโว่ ในระยะหลังก็น่าสนใจ เช่น การให้ฟรีประกันภัย นาน 3 ปี , ฟรี บริการหลังการขาย VPSP (Pro) 5 ปี ประกอบด้วย บริการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) บริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และ บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

เรียกว่าขับกันอย่างเดียว ที่เหลือ วอลโว่ดูแลให้สบายใจ ตลอดอายุการใช้งาน

อย่างเดียวที่รู้สึกว่ามันยังไม่ลงตัว หนีไม่พ้นระบบกันสะเทือน ดูยังไม่ลงตัวอย่างที่ควรจะเป็นอาจจะด้วย รถคันนี้มีกำลังค่อนข้างมากพอสมควร และแรงบิดก็สูงมาก สำหรับรถขนาดไซส์เล็กแบบ XC40 จึงต้องพยายามเซทให้แข็ง แต่ก็ยังไม่พอ กับการใช้งาน

และความจริงไม่ใช่ทุกคนอยากจะขับรถ 400 แรงม้า ทุกวัน อยากจะดึงหน้าหงาย ทุกครั้งที่ออกตัวจากไฟแดง มันเป็นรถที่คนขับสนุก แต่คนนั่งอาจจะไม่สนุกด้วย ผมอยากจะเตือนสำหรับใครที่จะต้องไปรับคนเถ้าคนแก่ ก็ระวังตอนออกตัวสักนิด ท่านอาจจะตกใจได้

ถ้าคิดว่ารถคันนี้แรงไป ผมมีข่าวดีว่า วอลโว่ ที่ต่างประเทศ เพิ่งจะนำเสนอรุ่น มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังขับ 231 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร ขนาดแบตเตอร์รี่ ลดลงเหลือ 69 Kwh แน่นอนว่า มันน่าจะประหยัดไฟฟ้ากว่านี้ ซึ่งในไทยกับกระแสนิยมของรถยนต์ไฟฟ้ามันน่าจะมาขายในเร็วๆ นี้ และราคาขายของมันน่าจะถูกกว่าด้วย

สำหรับผม Volvo XC 40 Recharge Pure Electric คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุด ในเวลานี้ คุ้มค่าคุ้มราคา เหมาะสมกับการใช้งาน ถ้าจ่ายไหว สนใจรถยนต์ไฟฟ้า รถรุ่นนี้ถือเป็นคำตอบที่ดีกับรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก ใช่มันอาจแพง ราคาแรง และสำคัญไม่มีส่วนลดจากรัฐบาล แต่ทุกอย่างที่มันเป็นัยงเหมือนวอลโว่ในระยะหลัง คือ คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่คุณเสียไป

ไม่แปลกใจเลย ที่มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ยอดขายอันดับหนึ่งในตลาดพรีเมี่ยม

เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง

ขอบคุณ วอลโว่ประเทศ ที่เอื้อเฟื้อ รถทดสอบ Volvo XC 40 Pure Electric มา ณ โอกาสนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*