ในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา Volvo ได้ ประกาศการอัพเดทตัวรถ PHEV ทุกรุ่น หลังจากยืนหนึ่ง ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้ ก็เห้นที จะต้องกลับมาใส่ใจผลิตภัณฑ์หลัก ในตระกูล Recharge และ หนึ่งในนั้น ก็มี Volvo XC60 Recharge รวมอยู่ด้วย
ตัวรถในปี 2022 ภาพรวม อาจจะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ที่มีการปรับปรุงไปแล้ว 1 ครั้ง หนนี้ทางทีมออกแบบ เห็นว่ากระแสเทรนด์งานออกแบบ เปลี่ยนไปสู่ยุคการใช้สีดำเงาในชิ้นงานภายนอกมากขึ้น จึงเริ่มจากการเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ รับเข้ากับ ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว ที่มาในงานออกแบบคล้ายกัน ให้ความรู้สึกที่ดูน่าสนใจลงตัว
ยังคงให้ยางสปอร์ต สมรรถนะสูง Pirelli P Zero ตอบโจทย์ลูกค้าเหมือนเคยไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนด้านท้ายรถ ปรับงานออกแบบนิดหน่อย ด้วยการวาง คำว่า Volvo เป็นตัวห่างๆ ตามสมัยนิยม
รุ่นที่เรานำมาขับวันนี้เป็นตัว Inscription มีการใส่ ชายล่างโครงเมี่ยมเพิ่มเข้ามา ตอบโจทย์กว่ารุ่นเดิม ที่วางจำหน่าย
ภายในห้องโดยสาร ทางวอลโว่ จัดการปรับปรุงตัวรถ เพิ่มความทันสมัยของห้องโดยสารมากยิ่งขึ้น เล็กน้อย จุดเปลี่ยนแปลง สำคัญอยู่ที่ การให้จอกลางใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้ จอ Google Assitant แทนระบบเดิม ที่ใช้ของวอลโว่เอง มายาวนาน
ชุดจอนี้ ทางวอลโว่ เริ่มใช้ใน Volvo XC40 Pure electric และ วันนี้การก้าวมาถึงพี่ชาย แม้ว่าจะน่าสนใจ และทันสมัยมากขึ้น ด้วยตัวช่วย ที่สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายกับระบบมือถือของเราๆ ท่านๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความรู้สึกบางมุม กลับเรู้สึก มันดูโลว์ลง เนื่องจากจอนี้ใช้กับรถรุ่นน้อง
แถมขนาดจอที่เล็ก ยังรู้สึกไม่สมส่วนกับขนาดตัวรถ และการใช้งานในหลายมุม ก็ทำได้ไม่ดี เท่าจอเดิมโดยเฉพาะ การเซทติ้ง ตั้งค่าต่างๆ อาทิโหมดการขับขี่ ที่ต้องเข้าไปตั้งค่าผ่านชุดเมนูปุ่มฟันเฟืองเล็กๆ เมื่อบวกกับด้วยความเป็น รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้ก ซึ่งถ้าคุณต้องการขับด้วยโหมดไฟฟ้าล้วน หรือ Pure จะต้อง ทำการตั้งค่าก่อนจึงจะใช้งานได้เต้มที่ ไม่ต้องกังวล ว่าเมื่อไร เครื่องยนต์จะขึ้นมาทำงาน
นั่นรวมถึง การเปิดปิด ระบบความปลอดภัย ซึ่งวอลโว่ ย้ายมาไว้ในจอนานแล้ว ในการออกแบบเดิม เป็นเพียงการปัดเมนู แล้วเลือกกดเอาตามต้องการทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ทว่าการย้ายมาใช้จอใหม่ ก็ต้องเข้าเมนู 3-4 ชั้น ก่อนที่คุรจะเลือกเปิด หริอ ปิดระบบใดๆ ได้ ทำให้ไม่สะดวกในการเปิด-ปิด ระหว่างขับขี่ ทางที่ดี ต้องเซทเป็น ค่าที่ตัวเองต้องการ ไว้ตั้งก่อนออกรถ หรือไม่ ก็ต้องให้คนนั่งข้างๆ ช่วยจัดการให้ ถ้าคุณมีคนนั่งไปด้วยอ่ะนะ …
อย่างไรก็ดีชุดจอนี้ มีข้อดีในเรื่องการนำทาง ระบบ Google Assitant ช่วยให้คุรสามารถนำทางอย่างแม่นยำ โดยใช้แผนที่ของ Google เอง ไม่ต้องมาเสียบ Apple Car Play / android Auto สามารถกดใช้ได้เลย มีแผนที่ในตัว และสามารถสั่งการด้วยเสียงได้
ส่วนตัวเข้าใจว่า ด้วยการวางหมากให้ รถยนต์ PHEV มีความสามารถมากขึ้น ทำให้ วอลโว่ มองว่า ถ้าใช้ระบบนี้ ซึ่งสามารถคำนวนประสิทธิภาพไฟฟ้าได้ ผุ้ใช้ อาจจะพึ่งพาจุดชาร์จมากขึ้น จากเดิมที่อาจจะแค่เพียงชาร์จที่บ้านเท่านั้น
ไม่เพียงแค่เพียงการเปลี่ยนแปลงชุดจอเท่านั้น ในตรงคอนโซลกลาง ทางวอลโว่จัดการปรับปรุงงานอออกแบบ อย่างกนึ่งคือการให้ที่ชาร์จไร้สายเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า แม้ว่าฟังชั่นนี้จะเพิ่มความสะดวกมาก แต่ ในความจริง กลับกลายว่า ออกแบบมาไม่ค่อยดี ตัวที่ชาร์จ มีขนาดเล็ก จนวางมือถือ อย่าง iphone 12 Promax ไม่พอ ล้นยื่นจนหวั่นใจในระหว่างการชาร์จ
ถึงจุดวางจะถูกบังคับด้วยบานปิด ที่สามารถลากมาชนตัวโทรศัพท์ ไม่ให้กระดอนไปไหนระหว่างขับขี่ ในเชิงความรู้สึกก็กลับง่อนแง่นไม่มั่นใจ นั่นอาจไม่ใช่ปัญหากับมือถือขนาดเล็ก แต่ในความจริง ผู้บริหารส่วนใหญ่ มักใช้มือถือขนาดใหญ่ เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน เวลาทำงาน จุดนี้จึงกลายเป็นจุดเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในการใช้งาน
นอกนั้น ตัวรถ ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะพื้นที่โดยสารตอนหลัง ที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายนัก ทำได้เพียงโอเค ต่อการนั่ง แต่ก้ไม่ใช่ว่าจะโอ่โถงกว้างอะไรนัก
การวิศวกรรม
ทางด้านการวิศวกรรมตัวรถ ในงวดนี้มีการปรับปรุงขนานใหญ่หลายจุด ตัวเครื่องยนต์เอง ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เหมือน เดิม ดั้งเดิม เป็นระบบ Twin Charge มีทั้ง เทอร์โบ และซุปเปอร์ชาร์จในคันเดียว
ใน XC60 MY 2023 ทาง วอลโว่ จัดการปรับปรุง ระบบเครื่องยนต์มาใช้ระบบเทอร์ดบไฟฟ้า หรือ ที่เรียกว่า e-boost เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ตัวเครื่องยนต์ทอนกำลังขับลงมาอยู่ที่ 317 แรงม้า สูงสุด 6,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 3,000-5,400 รอบต่อนาที
ทางด้านมอเตอร์ไฟฟ้าจัดการอัพพลังเป็น สูงสุด 143 แรงม้า ที่15,900 รอบต่อนาที สามารถเบ่งแรงบิดสูงสุด ได้ 309 นิวตันเมตร
ทำให้ ในหนนี้ Volvo XC60 PHEV จากรถที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ กลายเป็นรถสปอร์ต SUV ให้กำลังขับรวม 460 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุด 709 นิวตันเมตร
ยังคงใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ช่วยในการส่งกำลังขับ และติดตั้งเครื่องยนต์ทางด้านหน้า ด้านหลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนเดิม
จุดปรับปรุงต่อมา คือการปรับขนาดแบตเตอร์รี่ให้มีกำลังไฟฟ้ามากขึ้น จากเดิม 10.8 KW และ ขยับ มาเป็น 11 KW ตอนปรับปรุงในปี 2020
ครั้งนี้แบตเตอร์รี่ถูกปรับให้มีขนาดใความจุ 18.8 Kw และ สามารถใช้งานได้จริง 14.9 Kw เท่านั้น ช่องรับไฟจากภายนอกยังคงมีเพียง AC Type 2 เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง วางไว้ทางฝั่งซ้ายที่แกมข้างด้านหน้า การชาร์จไฟบ้าน จะใช้เวลาราวๆ 5 ชั่วโมง หากเสียบชาร์จด้วย Wall Box
การทดลองขับ
Volvo XC60 Recharge ว่ากันตามตรง มันเป็นรถหรู ที่ถูกใจผมมานาน ส่วนหนึ่งจากพละกำลังเครื่องยนต์ ที่แรงบ้าบิ่น ได้โล่ และหาตัวจับได้ยากในการกลับมาครั้งนี้ผมก็ไม่รอช้าที่จะเอามันกลับมาขับอีกครั้ง โดยเฉพาะการปรับปรุงทั้งหมด กลับยังมีราคาเท่าเดิม เรียกว่าคุ้มค่าน่าใช้มากขึ้นไปอีกขึ้น
การขับในเมือง
ตามปกติ เวลาเราขับรถสมรรถนะสูง คงไม่มีใครอยากเอามันเข้าเมืองเท่าไร เพราะมันจะซดน้ำมัน แต่นั่นไม่ใช่กับ เจ้า Volvo XC60 PHEV คันนี้ เพราะว่าตัวรถได้ถูกออกแบบมาให้พร้อมสำหรับการใช้งานในเมืองด้วยระบบ Plug in Hybrid
หรือจะต้องพูดว่ารถคันนี้มีทั้งวิญญาณ ความแรงและความประหยัด ผสมปนเปกันคันเดียวก็ไม่ผิดนัก
แบตเตอร์รี่ใหม่ ก้อนใหญ่ขึ้น อนุญาตให้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของระยะทาง พอขึ้นมาบนรถสตารืทปั๊ป ถ้าเสียบแบตเตอร์รี่ไว้จนเต็ม จะมีระยทะางขับเคลื่อนได้ราวๆ 74-75 ก.ม. ต่อการชาร์จ
ถึงหลายคนจะบอกว่า มันไม่ใช่ตัวเลจที่เยอะมากนัก เพราะ อย่างค่ายตราดาว ตอนนี้เขาสามารถทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกล 100 ก.ม./การชาร์จแล้ว หรือจะเป็นค่ายจีน Great Wall ,PHEV ค่ายนี้ก็สตรอง ด้วยการวิ่งได้ไกล แบบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็ก อย่าง Mini Electric มองฆ้อน ด้วยระยะทางราวๆ 150 ก.ม./ การชาร์จ
ดังนั้นกับ วอลโว่ที่ทำได้ เพียงเท่านี้ไม่ได้หวือหวามากมายอะไร แต่ นั่นก็พอเพียงต่อการใช้งานในภาพรวมนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งาน ในแบบขับจากชานเมืองเข้าเมือง ไปกลับแค่นี้พอ เพราะความจริงกรุงเทพมหานครไม่ได้กว้างขวางมากนัก
อย่างผมขับจากคลองหลวง ไปเข้าเมืองย่านสีลมระยะทางจะตกราวๆ 40 ก.ม. แม้ว่า ไฟฟ้าจะไม่ครอบคลุมในการใช้งาน แต่ก็ถือว่าใช้น้ำมันน้อยกว่า การใช้เครื่องสันดาปเพียวๆ วิ่งไปในเมือง และด้วยปัจจุบัน จุดชาร์รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองก็เยอะ คุณอาจจะไปแอบจุ๊บที่ชาร์จ AC เวลาทำธุระ ปะปังก็ได้
ผมแอบเสียดายที่ วอลโว่ยังไม่ยอมปรับปรุงหัวชาร์จ ให้รับเต้าแบบ DC Charge ได้ ทั้งที่ อาจจะจำเป็นสำหรับแบตเตอร์รี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้า เติมไฟเร็วขึ้น และใช้งานระบบไฟฟ้าล้วนได้มากขึ้นด้วยตามลำดับ
แต่ถ้าคุณ จะใช้การขับด้วยไฟฟ้าล้วนของ Volvo XC60 PHEV ขอให้แน่ใจว่า ไม่บลืมที่จะเข้าไปกดโหมด Pure ซึ่งเป็นโหมดการใชช้ไฟ้าล้วน ที่โหมดการขับขี่
ไม่งั้น รถจะเลือกค่า Hybrid Mode ถึงการทำงานในโหมดนี้จะใช้ไฟฟ้าเหมือนกันในช่วงแรกๆ แต่เมื่อคุณกระแทก ตะบันคันเร่งแรงๆ เครื่องยนต์ จะฮึดฮัดติดขึ้นมารับช่วงทันที ก่อนออกรถ ก็ตั้งค่าเซทให้ดี
เมื่อไฟฟ้าหมด ระยะทาง รถจะปรับจาก Pure ไป เป็น Hybrid โดยอัตโนมัติ โดยการทำงานไฟฟ้าจะจำกัดความเร็วไว้ที่เพียง 70 ก.ม./ช.ม.เท่านั้น หลังจากนั้นจะกลายเป็นใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนแทน ซึ่งแน่นอน ว่า ด้วยกำลังเครื่องยนต์ขนาดนี้ มันคงค่อนข้างซดสักหน่อย
แต่ผลลัพธ์รวม ถ้าใช้ในเมือง ด้วยไฮบริดโหมด ขับโดยไม่ใช้ไฟฟ้าล้วน สามารถทำอัตราประหยัดสูงถึง 38.56 ก.ม./ลิตร จากการใช้พลังงานขับร่วม ระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
การขับนอกเมือง
อย่างไรก็ดี ความประทับใจในเมือง เป้นเพียงน้ำจิ้มเท่าานั้น เมื่อเอาเจ้า Volvo XC60 ออกเดินทาง คุณจะพบว่า มันเป็นรถที่คุณขับสบายๆก็ได้ หรือ จะซิ่งก็ดี แล้วแต่ว่าเราจะขับในอารมณ์ไหน
ในยามขับสบายๆ ด้วยการเซทอัพช่วงล่างถุงลมทำให้การตอบสนองตัวรถ ค่อนข้างนิ่งนั่งสบาย อาจจะมีความแข็งบ้างในบางจังหวะ ก็ไม่ได้เป็นอาการแข็งกระด้าง มันให้ความรู้สึกค่อนข้างนั่งสบาย
ยามที่เราขับเร็วสักหน่อย อารการ์ช่วงล่างจะคงอาการเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เฟิร์มแน่น และค่อนข้างแข็งให้ความรู้สึกมั่นใจในการขับ แต่ประเด็นมันมาสะดุดตรงยามคุณใช้พวงมาลัยบ่อยๆ เอี้ยวเปลี่ยนเลนเร็วๆ หรือ จะเรียกว่า ยามรีบแล้วต้องมุดไปมา
ในจังหวะนี้เอง จะพบว่า ช่วงล่างหลังแอบออกอาการย้วยนิดหน่อย ในยามให้ตัวความเร็วสูง อาจจะด้วยการเซทติ้งให้ช่วงล่างหลังตอบสนองช้ากว่าด้านหน้า เพื่อความสบายในการโดยสาร ทำให้ทีมวิศวกรวอลโว่เซทมาแบบบนี้ ในมุมกลับกัน มันกลับบั่นทอนความรู้สึกที่คุณอยากสนุกกับรถคันนี้ลงไป
ทั้งที่ใต้เรือนร่างมี 460 ม้า แต่คุณจะหวังว่าจะขับแบบ รถสปอร์ต กลับเป็นไปไม่ได้
แถมแม้ว่าจะลองปรับโหมดการขับขี่ในแต่ละโหมดจะพบว่า การตอบสนองของช่วงล่างนั้น ไม่มีความแตกต่างกัน ทำให้ในการใช้งานจริง ขับปกติทั่วไปคุณจะไม่มีปัญหากับอาการของช่วงล่าง หากเมื่อไรที่คิดว่าจะซิ่ง ต้องการความมั่นใจจากการตลอบสนองของรถ จะพบอาการดังกล่าวทันที
แล้วสมรรรถนะเป็นไง ??
มาถึงตรงนี้ ทุกคนคงอยากฟัง เรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถอเนกประสงค์ที่มีสมรรถนะระดับนี้ มันจะเร้าใจมากเพียงใดกัน คงอยากจะทราบ
กำลังสูงสุด 460 แรงมา้ และแรงบิดสูงสุด 709 นิวตันเมตร ผล จากการทดสอบของเรา ทำเอาตกใจ เพราะ นี่คือรถอเนกประสงค์ ที่มีอัตราเร่งเร็วระดับแถวหน้าของรถราคา 3 ล้านบาท
- 0-100 ก.ม./ช.ม. เฉลี่ย 5.54วินาที
- 80-120 ก.ม./ช.ม. เฉลี่ย 3.25 วินาที
- 0-160 ก.ม./ช.ม. เฉลี่ย 11.96 วินาที
ดูผลการทดสอบทั้งหมด ที่นี่
จากตัวเลข คงเห็นแล้วว่า แม้ว่าจะตัวใหญ่น้ำหนักเยอะ รถคันนี้ก็เร็วไวปานสายฟ้า กว่ารถสปอร์ตในระดับราคาใกล้กัน จนบางคัน อาจมีอายม้วน เมื่อเห้นรถคันนี้ ปล่อยพลังเร่งปรู๊ดเต็มบาทาไปต่อหน้าต่อตา
พละกำลังดุดันไม่เกรงใจใครนี้ ให้ความสนุกสนานในการขับขี่มาก โดยเฉพาะ ถ้าคุณเป็นพ่อบ้าน ที่นัวรักการซิ่งแบบผม เวลาขับให้ภรรยานั่งก็ธรรมดาเรื่อยๆสบายๆ เวลาต้องรีบ ก็กดปล่อยพลังออกมาหมดปลอก เร่งหลังติดเบาะแรงพอๆ กับเครื่องบินกำลังออกตัวบนรันเวย์ เผลอๆ จะแรงกว่าด้วยซ้ำไป
ถึงอัตราเร่งรถคันนี้จะอยุ่ในระดับดีมาก ถึง มากที่สุด นับตั้งแต่ผมมีโอกาส สัมผัส อัตราเร่งจากรถระดับราคา 3 ล้านบาท แต่อย่างหนึ่งที่ดูเหมือนจะทำให้คิดเหมือนกัน คงเป็นความเร็วสูงสุด ที่ทำได้เพียง 180 ก.ม./ช.ม
นั่นมาจากนโยบายของวอลโว่เอง ที่ต้องการให้ไม่มีคนเสียชีวิตในวอลโว่อีกในอนาคต หรือ Zero Fatalility ที่ทางสวีดิช ไม่ใช่เพียงต้องการลดการเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังต้องการลดโอกาสเกิดการเสียชีวิตด้วย
ที่จริงนโยบายล็อคความเร็ว 180 ก.ม./ช.ม. มีระยะใหญ่แล้ว แต่เราเพิ่งพบในรถที่ชายในไทย เวอร์ชั่น 2023 นี่เอง
นั่นทำให้ เจ้าพลังดุคันนี้แม้ว่าจะเร่งแรง และทำความเร็วปลายภายในระยะ 600 เมตร กลับจะโดนรถสปอร์ตหรือรถคู่แข่งที่มีอัตราเร่งน้อยกว่าสวนเอาได้ในความเร็วสูง ถ้าเล่นวิ่งวัดใจกันจริงๆ ในความรู้สึกส่วนตัว มองว่า ความเร็วปลาย ที่จริง สมควรจะมากกว่านี้ อาจจะเซทไว้อย่างน้อย 200 ก.ม./ช.ม. ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลของคำว่ารถผู้บริหาร
อีกอย่าง โหมดการขับขี่ ที่อยู่ในเมนู อันซับซ้อน ค่อนข้างใช้งานยาก และทำให้เราต้องละสายจากถนน ระหว่างเปลี่ยนโหมด ทำให้การใช้งานไม่ค่อยสะดวก ในการใช้งานจริง
Volvo XC60 MY 2023 บ้าพลังจอมประหยัด
ตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมพูดเสมอกับทุกคนว่า วอลโว่ ไฮบริดเสียบปลั้ก เป็นรถที่คุ้มค่าต่อการคบหา โดยเฉพะาเมื่อเรากำลังพูดถึงพลังขับมหาศาล ในราคาที่ถูกกว่ารถจากค่ายเยอรมัน
วอลโว่ ทำเรื่องนี้ได้ดีมาโดยตลอด และตอบสนองดีขึ้นใน Volvo XC 60 MY 2023 ที่มาพร้อมแบตใหญ่ มอเตอร์ใหม่ และพลังขับสูงดุจรถสปอร์ต ในราคาที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิม ทำให้มันยิ่งคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น ใครที่ไม่ได้ยี่หระ ว่า จะต้องซื้อรถสปอร์ต และมองหารถที่ใช้งานได้รอบด้าน ประหยัดก็ได้ แรงก็ดี Volvo อเยกประสงค์คันนี้ เรียกว่าตอบโจทย์ได้อย่างครบเครื่องลงตัว
สิ่งที่ควรปรับปรุงในสายตา เรามีเพียงอย่างเดียว คือการ ตอบสนองของช่วงล่างในบางจังหวะ จะเห็นชัดในยามขับด้วยความเร็ว ซึ่งน่าจะเกิดจากการตอบสนองของช่วงล่างถุงลม ซึ่งทางเวอลดว่อาจจะสมควรพิจารณา การทำให้ช่วงล่างปรับการตอบสนองตามโหมดการขับขี่ได้แล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับการขับขี่ของลูกค้า ณ เวลานั้นมากขึ้น
นอกจากนี้ การออกแบบภายใน ที่คอนโซลกลาง อาจจะต้องกลับไปขบคิดใหม่ โดยเฉพาะจุดวางโรศัพท์ และ น่าเสียดายที่จอมันดันเป็นจอเดียวกับน้องเล็ก แม้ว่าฟังชั่นการใช้งานจะดีขึ้น แต่ขนาดจอที่เล็กลง ก็ทำให้หลายคนน่าจะกังขา ต่อความสะดวกในการใช้งาน อยู่ไม่น้อย
แต่ถ้าถามว่ารถคันนี้ คุ้มค่า น่าซื้อไหม ผม ตอบเลยว่า คุ้มครับ ราคาเริ่มต้น 3 ล้านนิดๆ คุณได้ 460 แรงมา้ ที่ปลายเท้า พร้อมระบบ Plug in Hybrid ที่เน้นการใช้งาน ให้ความประหยัดมากขึ้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ผมได้เล่าไป เป็นเพียงรายละเอียดเล็กน้อย ที่พอจะมองข้ามได้อยู่บ้าง เมื่อคุรได้ขับรถคันนี้บี้คันเร่งเต็มบาทา ตะบันเต็มแรง จะพบว่า รถคันนี้เร้าใจสุดๆ เกินกว่า รถราคาระดับเดียวกัน คันอื่นจะทำได้
ขอบคุณ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อ รถทดสอบ Volvo XC60 MY 2023 มา ณ โอกาส นี้
เรื่องและ ขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง