ในอดีตสิบกว่าปีที่ผ่านมา เราอาจเห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่หรือบิ๊กไบค์ คือกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่ชาวสองล้อส่วนใหญ่อยากขยับขึ้นไปเล่น แต่ในปัจจุบันมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมันกลับกลายเป็นเหล่ารถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกขนาดใหญ่ หรือที่ชาวไทยคุ้นหูกันว่า “บิ๊กสกู๊ตเตอร์” แทน

บิ๊กสกู๊ตเตอร์ หรือ รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโตเมติกขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ของใหม่เท่าไหร่นักในประเทศไทย เพราะย้อนไปช่วงยุคปี 2010 บวกลบนิดหน่วย บางคนก็อาจเคยได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ทรงนี้ในภาพยนต์ดังอย่าง เรื่อง “อยากได้ยินว่ารักกัน” ที่มีรถ Suzuki Skywave ซึ่งดูแปลกตาเป็นรถคู่ใจของตัวเอก จนหลายคนต่างต้นหาข้อมูลกันว่ามันคือรถมอเตอร์ไซค์รุ่นอะไร ทำไมถึงดูสวย ใหญ่โต และแปลกตา

เมื่อประกอบกับการที่ในช่วงเวลาเดียวกัน รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโตเมติก โดยเฉพาะในกลุ่มพิกัด 125-150cc อย่าง Honda PCX125/150 ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมียม กำลังเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว จึงทำให้คนยิ่งมีความต้องการที่จะให้ผู้ผลิตวางจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์แนวนี้แต่มีขนาดตัวใหญ่ขึ้น มากกว่าเดิมไปอีก เพราะต้องการทั้งความสะดวกสบายที่มากกว่าเดิม และกำลังเครื่องที่มากกว่าเดิม เหมาะสำหรับการใช้งานเดินทางใกล้หรือไกลมากกว่าเดิมไปอีกขั้น

จนกระทั่งในที่สุด ก็เป็นทาง A.P. Honda (ชื่ออย่างเป็นทางการของผู้จัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ Honda ในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนเปลี่ยนมาเป็น Thai Honda ในปัจจุบันเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา) ที่ได้ตัดสินใจเปิดเซกเมนท์ใหม่ของตลาดรถมอเตอร์ไซค์เมืองไทย ด้วยการเปิดตัว Honda Forza 300 เจเนอเรชันแรกออกมาในปี 2013

ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ทำให้ชาวไทยได้สัมผัสรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์อย่างแพร่หลายเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้หากใครอยากได้ก็มีแต่จะต้องเล่นรถนำเข้าเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีราคาแพง ก็อาจเป็นรถ สพม. ซึ่งผิดกฏหมายหากเอามาขี่เล่นบนถนนหลวง แถมยังมาพร้อมขนาดความจุเครื่องยนต์ที่ใหญ่ และขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปจนใช้ยาก

Yamaha X Max 300
Yamaha X Max 300 กลายเป็นผู้สร้างตลาดตัวจริง ให้คนส่วนใหญ่ สนใจ รถกลุ่มนี้

อย่างไรก็ดี แม้ Honda Forza 300 เจเนอเรชันแรกจะได้รับความสนใจในฐานะที่มันถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งดูแปลกใหม่และไร้คู่แข่งในช่วงที่เปิดตัว แต่ด้วยขนาดตัวที่ยังคงค่อนข้างใหญ่ในฉบับบิ๊กสกู๊ตเตอร์ จริตคนญี่ปุ่นจ๋าๆ และภาพลักษณ์ที่เน้นติดพรีเมียมมากเป็นพิเศษ เพราะทาง A.P.Honda วางตำแหน่งเอาไว้ให้มันเป็นพี่ใหญ่ของ Honda PCX ขึ้นมาอีกขั้น จึงทำให้มันยังได้รับความนิยมแค่ในวงกว้างพอประมาณเท่านั้น ไม่ได้เปรี้ยงปร้างมากนักในตลาดรวม

จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกราวๆ 4 ปี ทาง Yamaha ก็ได้ตัดสินใจนำ Xmax 300 เข้ามาทำตลาดในเซกเมนท์รถบิ๊กสกู๊ตเตอร์พิกัด 300cc ด้วยเช่นกัน โดยแม้มันอาจจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เปิดตัวช้ากว่าสักหน่อย แถมยังต้องนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งชาวไทยส่วนใหญ่ยังคงมองว่าคุณภาพงานประกอบของรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศดังกล่าวยังคงด้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถที่ผลิตในไทย

แต่เจ้า Xmax 300 กลับมีจุดขายที่น่าสนใจกว่ามากมาย ทั้งหน้าตาที่มาในแบบของรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์สไตล์ยุโรป ซึ่งไม่ได้ดูเหมือนเรือสะเทินน้ำสะเทินบกอย่าง Forza 300 อีกต่อไป แต่มีสัดส่วนที่ใหญ่แค่พอประมาณ และทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานมันในเมืองก็ได้ นอกเมืองก็ดี รวมถึงยังมีเส้นสายที่ดูโฉบเฉี่ยว ทันสมัยถูกใจวัยรุ่นไปแทบทุกจุด และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของเครื่องยนต์ที่ให้กำลังมากกว่าคู่แข่ง แถมยังมีนิสมัยที่ถูกใจเหล่าสิงห์นักบิดมาตั้งแต่กำเนิดออกจากโรงงานอีกด้วย

และนั่นคือจุดที่ทำให้ตลาดรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์เริ่มบูมขึ้นมา…

และไม่ใช่แค่เพราะ Xmax จะทำให้คู่แข่งสายตรงอย่าง Honda Forza 300 ต้องพบเจอกับปัญหาด้านยอดขายอย่างหนักจนทางค่ายต้องรีบเข็นเจเนอเรชันที่ 2 ออกมา ด้วยหน้าตาเปลือกนอกใหม่ที่เปลี่ยนเป็นแบบบิ๊กสกู๊ตเตอร์สไตล์ยุโรปมากขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่นานหลังจากที่คู่แข่งพึ่งขายโฉมแรกได้เพียง 1 ปี

แต่กับรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มบิ๊กไบค์ระดับ 500cc-650cc ที่นักบิดหลายคนในช่วงเวลาดังกล่าว ชอบขยับขึ้นมาเล่นกัน (รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ผู้ชายในกลุ่ม 250-400cc ก็ด้วย) จากที่เคยใช้แต่รถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก มันมีจุดขายหลักๆที่น่าสนใจกว่ารถเล็ก แค่เพียงเรื่องของสไตล์ที่ดุดัน แปลกตา

ด้วย ความเร็ว กับสมรรถนะตัวรถ ซึ่งสองอย่างหลังเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะสามารถใช้งานได้ “ถึงจุด” ได้อย่างเต็มที่จริงๆ หรือ ว่าง่ายๆคือซื้อมาแล้วใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพตัวรถกันเป็นส่วนใหญ่ ครั้นจะให้ฝึกเพื่อใช้ของที่มีให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ไม่ค่อยฝึกกัน หรือสถานที่ให้ใช้งานก็ไม่เอื้ออำนวย

จนมันอาจดูเป็นรถที่ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก กับเม็ดเงินที่ต้องจ่ายไป ยังไม่นับเรื่องค่าอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในยุคที่น้ำมันเริ่มแพง และอะไหล่ก็แพง ค่าเซอร์วิสต์รถก็แพงเป็นเงาตามตัวอีก

รถบิ๊กสกู๊ตเตอร์เหล่านี้ ทั้ง Xmax และ Forza จึงสามารถในการตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้มากกว่า เริ่มจากราคาตัวรถเอง ไปจนถึง ค่าใช้จ่ายแฝงที่ตามมาอีกมากมายซึ่งย่อมเยากว่า อยู่ในเกณฑ์ที่คนหมู่มากรับได้

ประกอบกับทั้งในเรื่องของความสะดวกสบายขณะขับขี่ ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ตามฉบับรถสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีเหตุผลทั้งจากขนาดเบาะนั่ง ท่านั่ง หรือความสามารถในการเก็บบรรทุกของสัมภาระ ที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ทั่วๆไปไม่สามารถจะให้ได้

และข้อสำคัญอีกประการคือ ด้วยความที่มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์นั่งสบาย จึงทำให้ใครหลายคนก็ตามที่มีครอบครัว มักได้รับการอนุมัติจากที่บ้าน (พ่อ แม่ แฟน หรือใครก็ตามที่อาจจะถืองบการเงินของคุณอยู่) ง่ายกว่าการขอซื้อรถบิ๊กไบค์ที่ดูไม่ค่อยให้ประโยชน์ในการใช้งาน แถมยังดูน่ากลัวมากกว่าบิ๊กสกู๊ตเตอร์ในสายตาของคนเหล่านั้นอีกด้วย

โดยแม้ขุมกำลังของมันจะไม่ได้ใหญ่โตเท่ารถบิ๊กไบค์ แต่ด้วยขนาดเครื่องยนต์ระดับ 300cc (หรือเกือบๆจะถึง 300cc) แถมในยุคหลังๆก็มีบางรุ่นที่อัพเกรดขนาดเครื่องยนต์จนขึ้นมาอยู่ในระดับ 350cc ที่แรงขึ้นไปอีก ถือว่าแรงเกินพอแล้ว สำหรับการใช้งานทั่วๆไปแล้ว

หรือหากเจ้าของสายซิ่งยังไม่พอใจ ก็สามารถทำสเต็ปอัพเกรดให้มันมีเรี่ยวแรงได้ง่ายๆ ชนิดที่สามารถไล่จี้ตูด หรือหลังๆคือไล่แซงรถบิ๊กไบค์ในทางตรงได้สบายๆไม่ยากจากฝีมือช่างไทยหลายๆ สำนักทั่วประเทศ ตามแต่กำลังทรัพย์จะมี

ดังนั้นในท้ายที่สุดช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมานี้ เราจึงจะเห็นได้ว่านับวันรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ก็มีแต่จะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากอรรถประโยชน์ในการใช้งานของมันที่หลากหลาย ตอบโจทย์ได้คนที่เน้นใช้งานทั่วไป

หรือคนที่เน้นใช้งานเพื่อการแข่งขัน ไม่ว่าจะทั้งในสนาม 1/4 ไมล์ หรือวัดกับระยะเสาไฟบนเกาะกลางถนน (ซึ่งอย่างหลังเราก็ไม่ได้สนับสนุนเพราะมันผิดกฏหมาย และสร้างความรำคาญใจให้กับสังคมส่วนมาก แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงไม่ได้ เพราะมันคือความเป็นจริง)

ตัดภาพมาในช่วงเวลาปัจจุบัน จะพบว่าจากกระแสความนิยมของรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ที่สูงขึ้นเรื่อยและยังไม่มีทีท่าว่าจะดร็อปลง จึงทำให้เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่า

นอกจากเจ้าตลาดอย่าง Yamaha Xmax 300 และ Honda Forza 350 ที่ตบตีกันด้วยการขนออพชันบลัฟกันไปมาอย่างสนุกเวทีต่อหน้าคนดู โดยที่ฝ่ายหลังยังมี Honda ADV350 ที่เป็นโมเดลคู่ขนานร่างแอดเวนเจอร์สกู๊ตเตอร์มาหนุนหลังกินส่วนแบ่งจนตลาดแตกกันอยู่พักใหญ่ ก็ยังมีผู้ผลิตอื่นๆอีกหลายรายที่พยายามเกาะกระแส หรือตีตลาดนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  • Suzuki Burgman 400 ที่แม้ช่วงนี้จะเงียบหายไป แถมยังมีราคาแพงกว่าคู่แข่งร่วมชาติอย่างชัดเจน โดยที่ออพชันติดรถก็ไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ในช่วงเวลาหนึ่งมันก็สามารถทำยอดขายไปได้พอตัวจากคุณลักษณะเฉพาะอย่างความสบายในการขับขี่และช่วงล่างที่ดีกว่าเจ้าตลาดอย่างชัดเจนในสายตาของผู้ที่ได้มีโอกาสสัมผัส
  • Keeway GT270 บิ๊กสกู๊ตเตอร์สัญชาติจีนที่ถูกนำมาทำตลาดในประเทศไทยพักหนึ่งโดยมีจุดขายคือขนาดตัวที่ไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ได้เครื่องยนต์ที่แรงพอตัวและน่าเชื่อถือได้เพราะเป็นเทคโนโลยีจาก Piaggio แบรนด์แม่ของ Vespa โดยมีราคาที่ย่อมเยากว่าเจ้าตลาด และให้ออพชันที่แอบหวือหวากว่าสักหน่อย
  • และล่าสุด กับ Zontes 350E / 350D สองคู่หูพี่น้องมาแรงโดยเฉพาะตัว E ที่ใส่ออพชันมาเต็มข้อ แถมยังมีสมรรถนะในการใช้งานที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป เมื่อบวกกับพละกำลังจากเครื่องยนต์ “ความจุเต็ม” ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเจ้าตลาดมากๆ จึงทำให้มันติดตลาดอย่างรวดเร็วจนสามารถกวาดยอดจองรถล็อตแรกหมดเกลี้ยงภายในไม่ถึง 1 สัปดาห์ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าลูกค้าที่จองรถล็อตแรกกับล็อตที่สองไม่ทันอาจต้องรอรับรถกันนานถึงสิ้นปี

นอกจากนี้ยังไม่นับรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์สไตล์ทางเลือกอื่นๆที่อาจจะไม่ได้ร้อนแรงเท่าเจ้าตลาด แต่ก็ได้รับความสนใจเพิ่มตามมาด้วยเช่นกัน เช่น Vespa GTS300 หรือ BMW C400X / BMW C400GT ที่อาจราคาสูงสักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกของคนที่อยากเล่นสกู๊ตเตอร์แต่ออยากเล่นของหรู ไม่อยากเล่นแบรนด์ตลาดได้สร้างความแตกต่างของตนเองให้ทุกคนได้เห็นกัน

จึงปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าในตอนนี้ ตลาดบิ๊กสกู๊ตเตอร์นั้น ถือว่าเป็นของร้อนแรงอย่างมากในไทย จนทำให้ตลาดรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มอื่นๆ ที่หากไม่ได้ต่างกันมากๆจริงๆในเรื่องของราคา หรือรถประเภทอื่นๆที่ให้ประสิทธิภาพในการใช้งานได้อเนกประสงค์ไม่มากพอต่อผู้ใช้ทั่วๆไปเมื่อเทียบกับรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ ก็ต้องหดตัวลงอย่างช่วยไม่ได้

และต่อให้ตลาดรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มอื่นจะสามารถกระเตื้องขึ้นมาได้ แต่ตลาดรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ก็จะยังคงร้อนแรงต่อไป ตราบใดที่มันยังคงเป็นประเภทรถมอเตอร์ไซค์ที่ตรงจริตกับความต้องการของคนไทยส่วนใหญ่ดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้อยู่ดีนั่นเอง…

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่